เป็นวิธีช่วยการตั้งครรภ์โดยใช้การปฏิสนธิภายนอกร่างกาย หรือโดยทั่วไปเรียกกันว่าการทำ IVF (Invitro fertilization) ความหมายก็คือ การปฏิสนธิภายนอกร่างกาย นั้นเอง

กระบวนการก็คือ ทำการกระตุ้นไข่ฝ่ายหญิง เพื่อให้ได้ไข่ที่พร้อมจะปฏิสนธิมากกว่า 1 ใบ เมื่อได้ขนาดไข่ที่พร้อมสำหรับการปฏิสนธิแล้ว จึงทำการเก็บไข่ และ สเปิร์ม นำมาปฏิสนธิภายในห้องปฏิบัติการ ด้วยวิธี IVF หรือ ICSI ตัวอ่อนที่ได้จากการปฏิสนธิจะถูกเพาะเลี้ยงภายในตู้เพาะเลี้ยงตัวอ่อน เป็นระยะเวลา 5-6 วัน จนได้ตัวอ่อนระยะบลาสโตซิส ( Blastocyst embryo : ระยะที่ตัวอ่อนสมบูรณ์พร้อมที่จะฝังตัว) หลังจากนั้นจึงทำการย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูก หรือ ทำการแช่แข็งตัวอ่อนไว้ รอย้ายกลับเข้าโพรงมดลูกในรอบเดือนถัดไป

ข้อแตกต่างของ IVF และ ICSI (อิ๊กซี่)
ข้อแตกต่างของ IVF และ ICSI อยู่ที่วิธีการปฏิสนธิ วิธีการปฏิสนธิของกระบวนการ IVF จะใกล้เคียงธรรมชาติ นักวิทย์จะนำสเปิร์มที่ผ่านกระบวนการปั่นล้างแล้ว ปล่อยลงไปรอบๆไข่ สเปิร์มที่แข็งแรงที่สุดเท่านั้นจึงจะสามารถเจาะเปลือกไข่เข้าไปทำการปฏิสนธิได้

สำหรับ ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) จะคัดอสุจิตัวที่แข็งแรง สมบูรณ์ที่สุดเพียง 1 ตัว ฉีดเข้าไปในไข่ 1 ใบ ด้วยเครื่องมือเฉพาะทางภายใต้กล้องจุลทรรศน์ เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิ วิธี ICSI สามารถเพิ่มอัลตราการปฏิสนธิ ลดปัญหาการปฏิสนธิที่ผิดปกติ

อัลตราความสำเร็จของการทำเด็กหลอดแก้วจะอยู่ที่ 40%-60% อัลตราความสำเร็จยังขึ้นอยู่กับความพร้อมของสภาพร่างกายของคู่สามีภรรยาด้วย

การทำเด็กหลอดแก้วพร้อมกับตรวจโครโมโซมตัวอ่อน
ความผิดปกติของตัวอ่อน อาจเป็นสาเหตุส่งผลให้ ไม่เกิดการฝังตัว ฝังตัวไม่สมบูรณ์ หรือ เกิดการตั้งครรภ์โดยทารกในครรภ์ผิดปกติ ซึ่งมักจะพบได้ในคุณแม่ที่มีอายุมากกว่า 35 ปี ขึ้นไป ปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีตรวจคัดกรองโครโมโซมตัวอ่อน (Preimplantation Genetic Test for Aneuploidy : PGT-A) เข้ามาใช้เพื่อคัดกรองตัวอ่อนที่มีความผิดปกติทางโครโมโซมออก และเลือกเฉพาะตัวอ่อนที่มีโครโมโซมปกติเท่านั้นย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูก วิธีนี้จะช่วยเพิ่มอัลตราการตั้งครรภ์ ลดความเสี่ยงแท้งบุตร ลดโอกาสที่จะเกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์ได้